เมื่อเร็วๆนี้ ผมได้มีโอกาสแบ็คแพ็คไปเที่ยวประเทศสิงคโปร์ เนื่องจากเป็นการไปเยือนประเทศนี้ครั้งแรกก่อนไปผมเลยต้องศึกษาข้อมูลพอสมควร และได้ทำโปรแกรมเที่ยวสิงคโปร์ 3 วัน 2 คืน ขึ้นมา ซึ่งทริปของผมจะเน้นที่การเดินทางโดยรถไฟฟ้าทำให้ประหยัดค่าเดินทางและทุ่นเวลาไปได้เยอะ
คุณผู้อ่านท่านใดสนใจเชิญลอกการบ้านได้เลยครับ
วันแรก
4:00 น. เริ่มต้นที่สนามบินดอนเมือง ทำการเช็คอินเที่ยวบิน แล้วก็มานั่งรอเครื่องออกที่เกต
(ครั้งนี้ผมเดินทางไปกับน้องหางแดง Airasia ครับ โดยบินเที่ยวเช้าสุดเลย จะได้ประหยัดค่าที่พักไปคืนนึง แนะนำกว่าใครจะบินช่วงเช้ามืดแบบผมควรนอนหลับมาอย่างเพียงพอครับ ตอนเที่ยววันแรกจะได้ไม่เพลีย)
เมื่อถึงสิงคโปร์ให้เดินตามป้าย Immigration ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง แล้วขึ้น Skytrain ไป Terminal 2
(อย่าลืมปรับนาฬิกาด้วยนะ เพราะเวลาสิงคโปร์เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง)
แวะซื้อบัตร EZ-Link ที่เคาน์เตอร์ Passenger Service
(เจ้าบัตร EZ-Link เนี่ยจัดว่าเป็นบัตรสารพัดประโยชน์เลย ใครไปเที่ยวควรซื้ออย่างยิ่ง เพราะมันสามารถใช้จ่ายเงินได้ทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์ ไปจนถึงร้านสะดวกซื้อ เทียบกับของไทยก็เหมือนบัตร Rabbit นั่นเอง)
บัตร EZ-Link |
อ้อ ลืมบอกไปตอนเช้าผมยังไม่แวะโรงแรมนะครับ เพราะผมจะแบกเป้ไปเที่ยวด้วยเลย วันแรกเราไม่เดินเยอะอยู่แล้ว
ที่แรกที่เราจะไปคือห้าง Suntec City Mall ซึ่งมีน้ำพุแห่งความมั่งคั่งอยู่ใครมาสิงคโปร์ต้องมาสัมผัสสักครั้ง
การเดินทาง : ขึ้นรถไฟฟ้า MRT จากสถานี Changi Airport ไปลง Tenah Merah (to Joo Koon) แล้วไปขึ้นต่อสาย Paya Lebar (to Dhoby Ghaut สายสีส้ม) เพื่อไปลงสถานี Esplanade (Exit A)
ดูแล้วเหมือนยากแต่ถ้าดูแผนที่สถานีรถไฟฟ้าประกอบก็ไม่ยากเลยครับ
ดูรูปใหญ่> http://www.smrt.com.sg/Journey-with-Us/Trains/Train-Map-Line-and-Station-Information
กินมื้อสายที่ Fountain Food Terrace ชั้นใต้ดิน ฟู้ดคอร์ทนี้อยู่ติดกับน้ำพุแห่งความมั่งคั่งเลย กินไปดูน้ำพุไป ฟินมาก
เข้าชม Fountain of Wealth น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง
หลังจากชมน้ำพุเสร็จแล้ว เราจะมาขึ้น Duck Tours กัน เราสามาถซื้อตั๋วได้ที่ห้าง Suntec City เลยไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล โดยเคาน์เตอร์ขายตั๋วจะอยู่ชั้น 1 ด้านนอกห้าง เดินขึ้นมาจากชั้นน้ำพุแล้วออกประตูมา
Duck Tours คือรถเป็ดนำเที่ยวสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกขึ้นชื่อของสิงคโปร์ โดยจะมีไกด์บรรยายประวัติของสถานที่ต่างๆไปตลอดทาง ระยะเวลา 1 ชั่วโมง เรียกว่าชั่วโมงเดียวแทบจะเก็บจุดแลนด์มาร์คสำคัญได้ครบเลย
พอเสร็จจาก Duck Tours เราสามารถใช้ตั๋ว Duck Tours ขึ้นรถ Hop on - Hop off สาย CITY Route ไปลงที่ Singapore Flyer ฟรี
ขึ้นชิงช้าสวรรค์ยักษ์ Singapore Flyer ชมเมืองระยะเวลา 30 นาที
จะขึ้นหรือไม่ขึ้นก็ได้นะครับ ส่วนตัวผมว่าไม่คุ้มกับราคาเท่าไร แต่ที่เรามาแวะที่นี่ก็เพราะเราสามารถเดินทางมาได้ฟรี และมันอยู่ใกล้กับจุดที่เราจะไปเที่ยวต่อนั่นคือ Marina Bay Sand!
Marina Bay Sand ตึกที่สวยที่สุดบนเกาะสิงคโปร์ ใครไม่คุ้นชื่อให้ลองนึกภาพตึกที่มีเรืออยู่ด้านบนนั่นแหละครับ
วิธีเดินทางจาก Singapore Flyer ก็แค่เดินข้ามสะพาน Helix ไปฝั่ง Marina Bay Sand
Marina Bay Sand เนี่ยมีอะไรให้เราเดินเที่ยวได้หลายชั่วโมงเชียวละครับ มีทั้งห้าง คาสิโน โรงแรม
สิ่งที่คนไม่ค่อยรู้คือที่นี่มีสวน Garden by the bay ขนาดย่อมๆ ให้เข้าฟรีด้วยครับ ทางเข้าให้ขึ้นบันไดเลื่อนบริเวณชั้น 3 ถ้าหาไม่เจอถาม รปภ. ที่นั่นก็ได้
กลับไปเช็คอิน และพักผ่อนโรงแรม V Hotel Lavender
การเดินทางขึ้นรถไฟฟ้าจากสถานี Bayfront ไปต่อ Marina Bay (To Jurong East สีแดง) ไปต่อ City Hall (To Changi สีเขียว) มาลงที่ Lavender (Exit B)
โรงแรม V Hotel Lavender มีข้อดีคือห้องสวย ราคารับได้ แต่ที่สำคัญมันตั้งอยู่บนสถานีรถไฟฟ้าเลยครับ เราไม่ต้องเดินให้เหนื่อย แถมชั้นล่างก็มีฟู้ด คอร์ท(Kopitiam) ร้านอาหาร ร้านขายของมากมาย อุดมสมบูรณ์เลยล่ะครับ
กินมื้อเย็นที่ฟู้ด คอร์ท(Kopitiam)
หัวค่ำออกไปเดินเล่นที่สิงโต Merlion และ ดูโชว์น้ำพุแสงสีเสียง Wonder Full Show
การเดินทางขึ้นรถไฟฟ้าจากสถานี Lavender มาลงสถานี Raffles Place (Exit H)
วันที่สอง
กินมื้อเช้าที่ Kopitiam
8.00น. ไปเที่ยว Universal Studio กัน
ผมแนะนำให้ไปก่อนแปดโมงครึ่ง จะได้ไม่เสียเวลาเข้าคิว และเก็บเครื่องเล่นได้ครบ
การเดินทางขึ้นรถไฟฟ้าจากสถานี Lavender ใต้โรงแรง (to Joo Koon) ไปต่อ Outram Park มาลงที่ Habour Front (Exit E) เดินเข้าไปในห้าง Vivo City ชั้น 3 เพื่อนั่ง Sentosa Express (ใช้ EZ-Link) ไปลงสถานี Waterfront USS จะอยู่ทางปีกขวา
การเดินทางค่อนข้างหลายต่อ แต่ถ้าดูแผนที่ประกอบก็ไม่ยากครับ เพราะมันถึงจุดต่อจุด เราแทบไม่ต้องเดินเลย
ขากลับจากสถานี Habour Front (To Punggol) ไปต่อ Outram Park (To Changi สีเขียว) มาลงที่สถานี Lavender
ช่วงเย็นไปเดินช็อปปิ้งที่ห้างมุสตาฟา
(ห้างมุสตาฟาขึ้นชื่อมากในเรื่องน้ำหอมราคาถูก แต่จากที่ผมไปมาของอย่างอื่นก็ถูกครับ แถมมีของเยอะมาก ยิ่งขนมนี่มีขายแทบทุกยี่ห้อ)
วิธีเดินทางจากโรงแรมไปกลับนั่งแท็กซี่ ราคาไม่เกิน 10 เหรียญสิงคโปร์
วันที่สาม
Check-Out โรงแรม + กินมื้อเช้า
เดินเที่ยวที่ Chinatown
การเดินทางขึ้นรถไฟฟ้าจากสถานี Lavender (to Joo Koon) ไปต่อ Outram Park (To Punggol สีม่วง) มาลงสถานี Chinatown (Exit A Pagoda Street)
ถนน Pagoda ที่ Chinatown |
ตลอดถนน Pagoda ที่ Chinatown มีร้านของที่ระลึกให้เราช็อปปิ้งมากมายใครอยากซื้อของฝากก็ซื้อที่นี่ได้เลย เพราะราคาถูกมาก
ชมวัดแขก วัดศรีมาริอัมมัน (SRI MARIAMMAN TEMPLE) เดินสุดถนน Pagoda วัดอยู่ทางขวา
เลี้ยวขวาเดินตามถนนไปเที่ยววัดเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple and Museum)
วัดเขี้ยวแก้ว เหมือนเป็นไฮไลท์ของวันเลยครับผมเซอรไพรส์มาก เพราะชั้นบนของวัดมีพิพิธภัณฑ์ติดแอร์เย็นฉ่ำทุกชั้น มีทั้งห้องพระเขี้ยวแก้ว ห้องพระพุทธรูปและพุทธศิลป์จำนวนมาก ห้องทำสมาธิ
แถมชั้นดาดฟ้าเป็นสถาปัตยกรรมพุทธะแบบจีน มีหอระฆัง อีกอย่างเหมือนนักท่องเที่ยวไม่ค่อยรู้ว่าวัดนี้มีลิฟท์ให้ขึ้นไปชมชั้นบนฟรีเลยไม่ค่อยมีคนครับ เดินสบายใจมาก
แวะกินอาหารกลางวันที่ร้านข้าวมันไก่ Tian Tian Hainanese Chicken Rice ตรงข้ามวัดเขี้ยวแก้ว จะเป็นศูนย์อาหาร Maxwell หากใครไม่ชอบข้าวมันไก่ก็มีอาหารอย่างอื่นมากมาย
ขากลับเดินตามถนน Sago ข้างวัดเขี้ยวแก้วแล้วเลี้ยวขวาตามถนน Trengganu ไปจนถึงถนน Pagoda กลับรถไฟฟ้า
ช่วงบ่ายช็อปปิ้งที่ถนน Orchard ซึ่งตลอด 2 ข้างทางของถนน Orchard มีห้างให้คุณเดินมากกว่า 10 ห้าง เรียกว่าเดินกันจนขาขวิด
การเดินทางเริ่มจากสถานี Chinatown (To Punggol) ไปต่อ Dhoby Ghaut (To Jurong East สีแดง) มาลงสถานี Orchard (Exit A)
17.00 ไปสนามบิน Changi เพื่อเดินทางกลับไทย (กลับไฟลท์หัวค่ำ)
จากสถานี Orchard (To Marina Bay) ไปต่อ City Hall (To Changi Airport สีเขียว) และ Tanah Merah มาลง Changi Airport แล้วนั่ง SkyTrain ไป Terminal 1 เพื่อเช็คอิน ที่เคาน์เตอร์ Air Asia
ถึงสนามบินดอนเมืองโดยสวัสดิภาพ
ขอขอบคุณรูปจาก Wikipedia
อยากทราบการเเดินทางจากโรงแรม Lavender ไปสถานี Esplanade ต้องเปลี่ยนสายรถที่สถานีไหนหรือเปล่าค่ะ เพราะเห็นในแผนที่ของ MRT เป็นรถต่างสายกันค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
ตอบลบ