วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

มาสร้างเว็บกับ Sway กันเถอะ

รู้จักกับ Sway


Sway คือ แอพสำหรับสร้างเว็บกึ่งสำเร็จรูปตัวใหม่ของทาง Microsoft Office

การสร้างเว็บผ่าน Sway จะใช้หลักที่เข้าใจได้ง่ายคือ การลาก วาง แชร์
โดยเริ่มจากการ "ลาก" เอาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น รูปถ่ายจากโทรศัพท์มือถือ, วิดีโอบน Youtube หรือข้อความใน Facebook มาวางบนพื้นที่เว็บที่เราสร้างไว้ แล้วตัวแอพจะช่วยจัดวางรูปแบบบนหน้าเว็บให้เราเสร็จสรรพ จากนั้นเราสามารถแชร์เว็บที่สร้างลงโซเซียลหรือนำขึ้นออนไลน์ได้ทันที หากยังนึกภาพไม่ออกลองนึกภาพการใช้งานโปรแกรม Frontpage หรือ Powerpoint ดูก็ได้ครับ

ข้อดีของ Sway คือ เราสามารถเห็นเว็บที่เราสร้างขึ้นได้แบบเรียลไทม์โดยไม่ต้องไปแตะโค๊ดเลย และตัวแอพยังช่วยจัดวางเลย์เอาท์ของเว็บและยังมีธีมให้เลือกปรับแต่งมากมาย


Sway สามารถใช้ได้ทั้งบนเว็บเบราเซอร์และแอพบน iOS, Android แต่ตอนนี้ Sway ยังอยู่ในสถานะ Preview ใครอยากทดลองก่อนใช้ก็สามารถไปสมัครที่ sway.com ได้เลยครับ

วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Daum maps เว็บแอพแผนที่เกาหลีที่ดีที่สุด

Daum maps เว็บแอพแผนที่เกาหลีที่ดีที่สุด

หลายท่านที่เคยไปเที่ยวเกาหลีหรือกำลังวางแผนว่าจะไป คงทราบดีว่าเว็บหรือแอพพลิเคชั่นแผนที่ของเกาหลี มันช่างมีข้อมูลน้อยซะเหลือเกินไม่ว่าจะเป็น Google maps หรือ Apple maps โดยเฉพาะเมื่อออกจากเขตกรุงโซลไปนอกจากจะไม่มีรายละเอียดชื่อสถานที่หรือชื่อถนนแล้วยังคำนวณระยะทางไม่ได้อีกต่างหาก มุมมองสตรีทวิวยิ่งไม่ต้องพูดถึงไม่มีแน่นอน

วันนี้ผมเลยมาแนะนำเว็บแอพแผนที่เกาหลีที่คนเกาหลีเค้าใช้กัน มันมีชื่อว่า Daum maps

ข้อดีของเจ้า Daum maps คือ มันมีข้อมูลรายละเอียดของสถานที่ครบถ้วน ทั้งชื่ออาคาร ชื่อถนน มีสรีทวิวให้ดู และสามารถเรียกใช้ได้ทั้งจากหน้าเว็บและแอพบน iOS, Android

ส่วนข้อเสียที่สำคัญนั่นก็คือ มันมีแต่ภาษาเกาหลีครับ คนที่อ่านภาษาเกาหลีออกคงไม่เห็นว่ามันเป็นปัญหา แต่สำหรับคนที่อ่านไม่ออกไม่ต้องกังวลไปเพราะผมจะมาสอนวิธีใช้เจ้า Daum maps เบื้องต้นให้ครับ


เมื่อเปิดหน้าเว็บ Daum maps มาจะเป็นแบบนี้


การใช้งานจะคล้ายกับกูเกิลแมพ ทั้งการคลิกขวาปักหมุด การดับเบิลคลิกที่ชื่อสถานที่เพื่อดูข้อมูล



วิธีค้นหาสถานที่บนเว็บ ให้กดไปที่แท็บอันที่ 2 ตรงเมนูซ้ายบน จะมีช่องให้เราใส่ชื่อสถานที่ที่ต้องการค้นหาลงไป หากใส่อีกสถานที่ลงในช่องที่ 2 ตัวเว็บจะบอกระยะทางและวิธีเดินทางมาให้


แท็บอันที่ 3 ใช้ค้นหาสายรถเมล์
แท็บอันที่ 4 คือแผนที่รถไฟฟ้า

หากต้องการดูมุมมองแบบสตรีทวิวให้คลิกที่ปุ่มนี้



สำหรับแอพ Daum maps จะหน้าตาเป็นแบบนี้



การจะค้นหาสถานที่บนแอพนั้นก็ไม่ยาก แค่พิมพ์ชื่อสถานที่ลงไปที่ช่องค้นหาด้านบนก็เรียบร้อยแล้ว

หากต้องการหาระยะทางระหว่าง 2 ที่ให้มาที่หน้านี้



หากต้องการดูมุมมองสตรีทวิวให้กดที่ปุ่มรูปกล้องเว็บแคมบริเวณมุมขวาบน

นอกจากที่ผมบอกมา Daum maps ยังสามารถหาสายรถเมล์ เส้นทางรถไฟฟ้า และอื่นๆได้อีกเพียบ ลองเล่นดูแปปเดียวก็ใช้คล่องแล้วครับ



หมายเหตุ ชื่อสถานที่ที่จะค้นหาควรเป็นภาษาเกาหลี ผมใช้วิธีเอาชื่อภาษาไทยหรืออังกฤษไปค้นหาในกูเกิลก่อนแล้วก็อปปี้ชื่อในภาษาเกาหลีมาค้นหาใน Daum Maps อีกที

เว็บสำหรับเปิดในเบราว์เซอร์
http://map.daum.net/

แอพ Daum Maps บน Android
https://play.google.com/store/apps/details?id=net.daum.android.map&hl=th

แอพ Daum Maps บน iOS
https://itunes.apple.com/th/app/da-eum-jido-gilchajgi-jihacheol/id304608425?mt=8

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สร้างรหัสลับให้กับข้อความของคุณ

สร้างรหัสลับให้กับข้อความของคุณ

หลายท่านคงทราบดีว่าชีวิตเราทุกวันนี้ผูกติดอยู่กับข้อมูลบนโลกออนไลน์อย่างแยกไม่ออก
ไม่ว่าจะเป็นการแชทพูดคุยกับเพื่อนบนแอพไลน์หรือการโพสต์สเตตัสบนเฟสบุ๊ค

ถ้าหากบางครั้งเราอยากจะบอกเรื่องส่วนตัวที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้ให้นอกจากตัวคุณกับคนที่คุณไว้ใจ หรือส่งข้อมูลลับเช่น เลขบัญชีธนาคาร เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าข้อความที่เราส่งออกไปจะปลอดภัยไม่ถูกคนอื่นแอบมาอ่าน

วันนี้ผมมีวิธีเปลี่ยนข้อความของคุณให้กลายเป็นรหัสลับมาบอกครับ

วิธีก็ง่ายแสนง่าย เริ่มจากเข้าเว็บ https://www.infoencrypt.com/



ตามรูปภาพจะเห็นช่อง Text to encrypt ให้คุณพิมพ์ข้อความที่คุณต้องการจะเปลี่ยนเป็นรหัสลับตามใจชอบเลยครับ

พอพิมพ์เรียบร้อยด้านล่างจะมีช่องให้ตั้งพาสเวิร์ด และยืนยันพาสเวิร์ด

เมื่อตั้งพาสเวิร์ดเสร็จแล้วให้กดที่ปุ่ม Encrypt ด้านข้าง ตัวเว็บก็จะแปลงข้อความของเรากลายเป็นรหัสลับที่อ่านไม่ออก



ซึ่งพาสเวิร์ดที่เราตั้งจะมีไว้สำหรับเวลาถอดรหัสลับครับ เมื่อจะคุณส่งข้อความลับให้ใครก็แค่ก็อปปี้ข้อความที่อ่านไม่ออกนั้นพร้อมบอกรหัสผ่านเท่านั้นเอง ถ้าข้อความลับมากๆ ผมแนะนำให้ส่งพาสเวิร์ดไปทาง SMS เลยครับ


ส่วนวิธีถอดรหัสก็เอาข้อความรหัสลับมาวางลงในช่องเดิม Text to encrypt และใส่พาสเวิร์ดลงไป แต่คราวนี้ให้กดที่ปุ่ม Decrypt แทน เพียงเท่านี้ข้อความลับที่อ่านไม่ออกก็จะแปลงกลับเป็นข้อความธรรมดาอีกครั้ง


วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เรื่องน่ารู้เมื่อไปเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเอง

เรื่องน่ารู้เมื่อจะไปเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเอง



1. การหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก คุณสามารถหาได้จากเว็บตัวแทนเหล่านี้ Cheapticket, Skyscanner, Expedia หรือจากเว็บสายการบินโดยตรงซึ่งบ่อยครั้งจะมีโปรโมชั่นลดราคาเที่ยวบิน

2. หากคุณไม่มีเวลาเช็คราคาเองบ่อยๆ คุณสามารถไปฟอลโล่เพจบนเฟซบุ๊คที่แนะนำเที่ยวบินราคาถูกได้ ซึ่งตอนนี้ก็มีอยู่หลายเพจเช่น Ar-pae, Promotion2u เป็นต้น เพจพวกนี้จะคอยรวบรวมข้อมูลโปรโมชั่นเที่ยวบินราคาถูกให้คุณตลอดเวลา

3. การขึ้นเครื่องบินไปต่างประเทศคุณควรพกปากกาไปด้วย เพราะคุณต้องใช้กรอกข้อมูลใบตรวจคนเข้าเมือง

4. ตรวจสอบสิ่งของในกระเป๋าใบที่คุณถือขึ้นเครื่องทุกครั้ง เพราะคุณอาจลืมใส่ของมีคมลงไป เช่น มีดโกนหนวด กรรไกรตัดเล็บ มันจะทำให้คุณเสียเวลาตอนผ่านเครื่องสแกน


5. การแลกสกุลเงินต่างประเทศ หากจำนวนเงินคุณต้องการแลกไม่เยอะหรือไม่เกิน 3 หมื่นบาท คุณไม่จำเป็นต้องไปแลกที่ร้าน Super Rich ที่ให้อัตราแลกเปลี่ยนราคาถูกก็ได้ เพราะค่าเดินทางและค่าเหนื่อยที่คุณเสียไปอาจแพงกว่าส่วนต่างที่คุณได้จากเรทเงินราคาถูกอีก เงินน้อยผมแนะนำให้แลกที่ธนาคารใกล้บ้านคุณจะดีที่สุด


6. อย่าไปเชื่อหนังสือนำเที่ยวมาก จากที่ผมอ่านมาแทบทุกปกตามร้านหนังสือ สรุปได้ว่าข้อมูลที่หาจากในอินเทอร์เน็ตหลายครั้งน่าเชื่อถือกว่า เพราะข้อมูลในหนังสือส่วนใหญ่เก่าเกินไปและไม่เพียงพอสำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่ ในขณะที่ข้อมูลในเน็ตมีการอัพเดทอยู่ตลอด แถมคำอธิบายและรูปถ่ายก็ละเอียดยิบทุกขั้นตอน


7. คุณควรหาข้อมูลร้านอาหารไว้หลายๆตัวเลือก กรองข้อมูลให้ดี เพราะลิ้นคนเราไม่เหมือนกัน ร้านที่คนอื่นบอกอร่อย คุณไปกินอาจจะไม่อร่อยก็ได้


8. แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าร้านไหนน่าสนใจ ผมแนะนำให้เลือกร้านอาหารที่คนท้องถิ่นนิยมกินเพราะถึงแม้จะไม่ถูกปากแต่อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ได้ลองกินอาหารที่คนที่นั่นเค้ากินกันจริงๆ


9. การช็อปปิ้งที่ต่างประเทศสามารถใช้บัตรเครดิตไทยได้ไม่มีปัญหา ขอแค่มีสัญลักษณ์ Visa หรือ Master Card จะให้ดีคุณควรอ่านโปรโมชั่นของบัตรที่คุณมีก่อนออกเดินทางเพราะหลายครั้งคุณจะได้สิทธิพิเศษเมื่อใช้บัตรนั้นที่ต่างประเทศ


10. ในประเทศเขตหนาวจะไม่นิยมซื้อน้ำเปล่านอกบ้าน ทำให้น้ำเปล่าค่อนข้างหาซื้อยากและราคาแพงเมื่อเทียบกับไทย


11. นอกจากน้ำเปล่าแล้ว น้ำแข็งก้อนนี่หาไม่ได้เลย ไทยเราน่าจะเป็นชาติที่นิยมดื่มน้ำใส่น้ำแข็งมากที่สุดแล้ว ขนาดเบียร์ยังใส่เลย


12. สิ่งสำคัญมากในการเลือกที่พักที่คนส่วนใหญ่มักลืมคือระยะทางที่คุณต้องเดินระหว่างโรงแรมกับสถานีรถไฟฟ้าหรือป้ายรถ บางคนเน้นหาที่พักราคาถูกจนลืมดูไปว่ากว่าจะเดินถึงที่พักแต่ละทีต้องเดินเป็นกิโล เวลาเที่ยวต่างประเทศคุณต้องเดินค่อนข้างเยอะอยู่แล้ว ยิ่งพอบวกระยะทางเดินเข้าที่พักไปอีกจะทำให้คุณเหนื่อยมาก


13. ฉะนั้นเมื่อต้องเดินเยอะ รองเท้าจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ควรเลือกรองเท้าคู่ที่ใส่สบายมากกว่าใส่แล้วถ่ายรูปสวย ไปเที่ยวเมืองหนาวควรใส่รองเท้าผ้าใบ เมืองร้อนใส่รองเท้าแตะเหมือนอยู่ไทยไปเลยจะดีมาก


14. หากคุณรู้ว่าที่ๆคุณจะไปต้องเปียก ควรเตรียมชุดที่แห้งเร็วไปด้วย


15. ใช้บัตรสะดวกจ่ายแทนเงินสด (เช่น ของไทยเราคือบัตรแรบบิท) เป็นสิ่งที่ช่วยคุณประหยัดเวลาได้เยอะ เพราะในประเทศที่มีความเจริญส่วนใหญ่จะใช้เจ้าบัตรนี้ในการจ่ายเงินแทบจะทุกบริการตั้งแต่ รถไฟฟ้า รถเมล์ แท็กซี่ หรือแม้แต่ใช้ซื้อของในร้านสะดวกซื้อ หากเป็นไปได้ควรซื้อตั้งแต่ที่สนามบินเลย


ดาวน์โหลดฟอนต์ TH Sarabun New และฟอนต์ราชการ

ดาวน์โหลดฟอนต์ TH Sarabun New และฟอนต์ราชการ 13 ฟอนต์



ฟอนต์ TH Sarabun New
Download

ฟอนต์ราชการ 13 ฟอนต์
Download

สำหรับวิธีลงฟอนต์ไปคลิกที่นี่ http://comtripper.blogspot.com/2015/06/font-install.html

โปรแกรมเที่ยวสิงคโปร์แบบไปเองไม่ง้อทัวร์ 3 วัน 2 คืน พักสบาย ราคาประหยัด

โปรแกรมเที่ยวสิงคโปร์แบบไปเองไม่ง้อทัวร์ 3 วัน 2 คืน พักสบาย ราคาประหยัด



เมื่อเร็วๆนี้ ผมได้มีโอกาสแบ็คแพ็คไปเที่ยวประเทศสิงคโปร์ เนื่องจากเป็นการไปเยือนประเทศนี้ครั้งแรกก่อนไปผมเลยต้องศึกษาข้อมูลพอสมควร และได้ทำโปรแกรมเที่ยวสิงคโปร์ 3 วัน 2 คืน ขึ้นมา ซึ่งทริปของผมจะเน้นที่การเดินทางโดยรถไฟฟ้าทำให้ประหยัดค่าเดินทางและทุ่นเวลาไปได้เยอะ
คุณผู้อ่านท่านใดสนใจเชิญลอกการบ้านได้เลยครับ


วันแรก

4:00 น. เริ่มต้นที่สนามบินดอนเมือง ทำการเช็คอินเที่ยวบิน แล้วก็มานั่งรอเครื่องออกที่เกต
(ครั้งนี้ผมเดินทางไปกับน้องหางแดง Airasia ครับ โดยบินเที่ยวเช้าสุดเลย จะได้ประหยัดค่าที่พักไปคืนนึง แนะนำกว่าใครจะบินช่วงเช้ามืดแบบผมควรนอนหลับมาอย่างเพียงพอครับ ตอนเที่ยววันแรกจะได้ไม่เพลีย)

เมื่อถึงสิงคโปร์ให้เดินตามป้าย Immigration ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง แล้วขึ้น Skytrain ไป Terminal 2
(อย่าลืมปรับนาฬิกาด้วยนะ เพราะเวลาสิงคโปร์เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง)

แวะซื้อบัตร EZ-Link ที่เคาน์เตอร์ Passenger Service
(เจ้าบัตร EZ-Link เนี่ยจัดว่าเป็นบัตรสารพัดประโยชน์เลย ใครไปเที่ยวควรซื้ออย่างยิ่ง เพราะมันสามารถใช้จ่ายเงินได้ทั้งรถไฟฟ้า รถเมล์ ไปจนถึงร้านสะดวกซื้อ เทียบกับของไทยก็เหมือนบัตร Rabbit นั่นเอง)

บัตร EZ-Link

อ้อ ลืมบอกไปตอนเช้าผมยังไม่แวะโรงแรมนะครับ เพราะผมจะแบกเป้ไปเที่ยวด้วยเลย วันแรกเราไม่เดินเยอะอยู่แล้ว

ที่แรกที่เราจะไปคือห้าง Suntec City Mall ซึ่งมีน้ำพุแห่งความมั่งคั่งอยู่ใครมาสิงคโปร์ต้องมาสัมผัสสักครั้ง

การเดินทาง : ขึ้นรถไฟฟ้า MRT จากสถานี Changi Airport ไปลง Tenah Merah (to Joo Koon) แล้วไปขึ้นต่อสาย Paya Lebar (to Dhoby Ghaut สายสีส้ม) เพื่อไปลงสถานี Esplanade (Exit A)
ดูแล้วเหมือนยากแต่ถ้าดูแผนที่สถานีรถไฟฟ้าประกอบก็ไม่ยากเลยครับ

ดูรูปใหญ่> http://www.smrt.com.sg/Journey-with-Us/Trains/Train-Map-Line-and-Station-Information


กินมื้อสายที่ Fountain Food Terrace ชั้นใต้ดิน ฟู้ดคอร์ทนี้อยู่ติดกับน้ำพุแห่งความมั่งคั่งเลย กินไปดูน้ำพุไป ฟินมาก



เข้าชม Fountain of Wealth น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง

หลังจากชมน้ำพุเสร็จแล้ว เราจะมาขึ้น Duck Tours กัน เราสามาถซื้อตั๋วได้ที่ห้าง Suntec City เลยไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล โดยเคาน์เตอร์ขายตั๋วจะอยู่ชั้น 1 ด้านนอกห้าง เดินขึ้นมาจากชั้นน้ำพุแล้วออกประตูมา

Duck Tours คือรถเป็ดนำเที่ยวสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกขึ้นชื่อของสิงคโปร์ โดยจะมีไกด์บรรยายประวัติของสถานที่ต่างๆไปตลอดทาง ระยะเวลา 1 ชั่วโมง เรียกว่าชั่วโมงเดียวแทบจะเก็บจุดแลนด์มาร์คสำคัญได้ครบเลย



พอเสร็จจาก Duck Tours เราสามารถใช้ตั๋ว Duck Tours ขึ้นรถ Hop on - Hop off สาย CITY Route ไปลงที่ Singapore Flyer ฟรี

ขึ้นชิงช้าสวรรค์ยักษ์ Singapore Flyer ชมเมืองระยะเวลา 30 นาที
จะขึ้นหรือไม่ขึ้นก็ได้นะครับ ส่วนตัวผมว่าไม่คุ้มกับราคาเท่าไร แต่ที่เรามาแวะที่นี่ก็เพราะเราสามารถเดินทางมาได้ฟรี และมันอยู่ใกล้กับจุดที่เราจะไปเที่ยวต่อนั่นคือ Marina Bay Sand!



Marina Bay Sand ตึกที่สวยที่สุดบนเกาะสิงคโปร์ ใครไม่คุ้นชื่อให้ลองนึกภาพตึกที่มีเรืออยู่ด้านบนนั่นแหละครับ
วิธีเดินทางจาก Singapore Flyer ก็แค่เดินข้ามสะพาน Helix ไปฝั่ง Marina Bay Sand

Marina Bay Sand เนี่ยมีอะไรให้เราเดินเที่ยวได้หลายชั่วโมงเชียวละครับ มีทั้งห้าง คาสิโน โรงแรม
สิ่งที่คนไม่ค่อยรู้คือที่นี่มีสวน Garden by the bay ขนาดย่อมๆ ให้เข้าฟรีด้วยครับ ทางเข้าให้ขึ้นบันไดเลื่อนบริเวณชั้น 3 ถ้าหาไม่เจอถาม รปภ. ที่นั่นก็ได้

กลับไปเช็คอิน และพักผ่อนโรงแรม V Hotel Lavender

การเดินทางขึ้นรถไฟฟ้าจากสถานี Bayfront ไปต่อ Marina Bay (To Jurong East สีแดง) ไปต่อ City Hall (To Changi สีเขียว) มาลงที่ Lavender (Exit B)

โรงแรม V Hotel Lavender มีข้อดีคือห้องสวย ราคารับได้ แต่ที่สำคัญมันตั้งอยู่บนสถานีรถไฟฟ้าเลยครับ เราไม่ต้องเดินให้เหนื่อย แถมชั้นล่างก็มีฟู้ด คอร์ท(Kopitiam) ร้านอาหาร ร้านขายของมากมาย อุดมสมบูรณ์เลยล่ะครับ

กินมื้อเย็นที่ฟู้ด คอร์ท(Kopitiam)

หัวค่ำออกไปเดินเล่นที่สิงโต Merlion และ ดูโชว์น้ำพุแสงสีเสียง Wonder Full Show
การเดินทางขึ้นรถไฟฟ้าจากสถานี Lavender มาลงสถานี Raffles Place (Exit H)


วันที่สอง

กินมื้อเช้าที่ Kopitiam



8.00น. ไปเที่ยว Universal Studio กัน
ผมแนะนำให้ไปก่อนแปดโมงครึ่ง จะได้ไม่เสียเวลาเข้าคิว และเก็บเครื่องเล่นได้ครบ

การเดินทางขึ้นรถไฟฟ้าจากสถานี Lavender ใต้โรงแรง (to Joo Koon) ไปต่อ Outram Park มาลงที่ Habour Front (Exit E) เดินเข้าไปในห้าง Vivo City ชั้น 3 เพื่อนั่ง Sentosa Express (ใช้ EZ-Link) ไปลงสถานี Waterfront USS จะอยู่ทางปีกขวา

การเดินทางค่อนข้างหลายต่อ แต่ถ้าดูแผนที่ประกอบก็ไม่ยากครับ เพราะมันถึงจุดต่อจุด เราแทบไม่ต้องเดินเลย

ขากลับจากสถานี Habour Front (To Punggol) ไปต่อ Outram Park (To Changi สีเขียว) มาลงที่สถานี Lavender

ช่วงเย็นไปเดินช็อปปิ้งที่ห้างมุสตาฟา
(ห้างมุสตาฟาขึ้นชื่อมากในเรื่องน้ำหอมราคาถูก แต่จากที่ผมไปมาของอย่างอื่นก็ถูกครับ แถมมีของเยอะมาก ยิ่งขนมนี่มีขายแทบทุกยี่ห้อ)
วิธีเดินทางจากโรงแรมไปกลับนั่งแท็กซี่ ราคาไม่เกิน 10 เหรียญสิงคโปร์


วันที่สาม

Check-Out โรงแรม + กินมื้อเช้า

เดินเที่ยวที่ Chinatown
การเดินทางขึ้นรถไฟฟ้าจากสถานี Lavender (to Joo Koon) ไปต่อ Outram Park (To Punggol สีม่วง) มาลงสถานี Chinatown (Exit A Pagoda Street)

ถนน Pagoda ที่ Chinatown

ตลอดถนน Pagoda ที่ Chinatown มีร้านของที่ระลึกให้เราช็อปปิ้งมากมายใครอยากซื้อของฝากก็ซื้อที่นี่ได้เลย เพราะราคาถูกมาก

ชมวัดแขก วัดศรีมาริอัมมัน (SRI MARIAMMAN TEMPLE) เดินสุดถนน Pagoda วัดอยู่ทางขวา

เลี้ยวขวาเดินตามถนนไปเที่ยววัดเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple and Museum)

วัดเขี้ยวแก้ว เหมือนเป็นไฮไลท์ของวันเลยครับผมเซอรไพรส์มาก เพราะชั้นบนของวัดมีพิพิธภัณฑ์ติดแอร์เย็นฉ่ำทุกชั้น มีทั้งห้องพระเขี้ยวแก้ว ห้องพระพุทธรูปและพุทธศิลป์จำนวนมาก ห้องทำสมาธิ
แถมชั้นดาดฟ้าเป็นสถาปัตยกรรมพุทธะแบบจีน มีหอระฆัง อีกอย่างเหมือนนักท่องเที่ยวไม่ค่อยรู้ว่าวัดนี้มีลิฟท์ให้ขึ้นไปชมชั้นบนฟรีเลยไม่ค่อยมีคนครับ เดินสบายใจมาก



แวะกินอาหารกลางวันที่ร้านข้าวมันไก่ Tian Tian Hainanese Chicken Rice ตรงข้ามวัดเขี้ยวแก้ว จะเป็นศูนย์อาหาร Maxwell หากใครไม่ชอบข้าวมันไก่ก็มีอาหารอย่างอื่นมากมาย

ขากลับเดินตามถนน Sago ข้างวัดเขี้ยวแก้วแล้วเลี้ยวขวาตามถนน Trengganu ไปจนถึงถนน Pagoda กลับรถไฟฟ้า

ช่วงบ่ายช็อปปิ้งที่ถนน Orchard ซึ่งตลอด 2 ข้างทางของถนน Orchard มีห้างให้คุณเดินมากกว่า 10 ห้าง เรียกว่าเดินกันจนขาขวิด
การเดินทางเริ่มจากสถานี Chinatown (To Punggol) ไปต่อ Dhoby Ghaut (To Jurong East สีแดง) มาลงสถานี Orchard (Exit A)

17.00 ไปสนามบิน Changi เพื่อเดินทางกลับไทย (กลับไฟลท์หัวค่ำ)

จากสถานี Orchard (To Marina Bay) ไปต่อ City Hall (To Changi Airport สีเขียว) และ Tanah Merah มาลง Changi Airport แล้วนั่ง SkyTrain ไป Terminal 1 เพื่อเช็คอิน ที่เคาน์เตอร์ Air Asia


ถึงสนามบินดอนเมืองโดยสวัสดิภาพ

ขอขอบคุณรูปจาก Wikipedia

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

วิธีลงฟอนต์ Windows 7

สำหรับใครที่ต้องการติดตั้งฟอนต์ใหม่ๆลงในเครื่อง ผมมีวิธีง่ายๆมาบอกครับ

ขั้นแรกให้เราไปเลือกหาดาวน์โหลดฟอนต์ที่เราต้องการมาก่อน

ผมแนะนำเว็บ www.f0nt.com เว็บนี้มีฟอนต์ให้คุณเลือกดาวน์โหลดฟรีมากมาย
ฟอนต์ตัวไหนสวยถูกใจก็กดดาวน์โหลดได้เลย


ซึ่งฟอนต์ที่ดาวน์โหลดมาส่วนใหญ่จะเป็นไฟล์ .zip
เราต้องแตกไฟล์ออกมาก่อนถึงจะได้ไฟล์ฟอนต์ที่ต้องการ




ส่วนวิธีลงฟอนต์ก็ง่ายมากๆ แค่คลิกขวาที่ฟอนต์เลือก Install  ตามรูปก็เสร็จแล้วครับ



แต่ถ้าเราจะลงฟอนต์จำนวนหลายๆตัวล่ะต้องมานั่งคลิกทีละอันหรือเปล่า
คำตอบคือไม่ต้องครับ ผมมีวิธีลงฟอนต์หลายๆตัวในครั้งเดียวมาบอก

ขั้นแรกให้คลิกลากเมาส์เลือกฟอนต์ทั้งหมดที่เราจะลง จากนั้นคลิกขวาที่ไฟล์ฟอนต์แล้วเลือก Copy



เปิด Control Panel ขึ้นมา โดยการกดปุ่ม Start ด้านซ้ายล่างแล้วพิมพ์คำว่า control panel ลงในช่องค้นหาแล้วคลิกเลือกเปิด Control Panel



จากนั้นให้คลิกตรงช่อง View by: มุมบนขวา แล้วเปลี่ยนจาก Category ให้เป็น Small icons



จะเห็นโฟลเดอร์ Fonts ให้คลิกเปิดขึ้นมา



แล้วคลิกขวาบริเวณพื้นที่ว่างแล้วเลือก Paste ฟอนต์ที่ก็อปปี้ไว้ทั้งหมดก็จะติดตั้งลงในเครื่อง